จากเด็กเร่ร่อนข้างถนน ผ่านไป 20 ปี กลายเป็น CEO ผู้บริหารระดับสูงของมูลนิธิช่วยเหลือเด็ก

เขา เผยว่า ตอนนั้นตนไม่มีเงินไปโรงเรียน เพราะครอบครัวอยู่ในสถานการณ์ลำบาก จนไม่อยากเรียนต่อ สุดท้ายจึงตัดสินใจออกจากบ้านเกิด ในวัย 15 ปี เพื่อออกไปหาเงินในเมืองหลวง กรุงฮานอย

ทำงานทุกอย่างเท่าที่ตนเองจะทำได้ ทั้งเก็บขยะ ขายหนังสือพิมพ์ ก่อนจะไปเรียนวิธีขัดรองเท้าจากเพื่อนและยึดเป็นอาชีพหลัก โดยได้นำเงินเก็บทั้งหมด ไปซื้อเครื่องมือจากนั้นก็เดินเตร่หาลูกค้าไปตามถนน แน่นอนว่าการใช้ชีวิตข้างถนน สำหรับเด็กวัย 15 ปี ไม่ใช่เรื่องง่าย และเขาก็ต้องการใครสักคนที่จะช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้นได้

หลังจากนั้นเวลาผ่านไปเกือบ 1 ปี “โด๋ ซวี หวิ” ได้พบกับผู้ใจดีชื่อว่า “ไมเคิล โบโรวสกี” ซึ่งต่อมาเป็นผู้ก่อตั้งมูลนิธิเด็ก Blue Dragon ตอนนั้นเขายังเป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัย National Economics University และเปิดชั้นเรียนสอนภาษาอังกฤษสำหรับเด็กเร่ร่อน ในวันดังกล่าวไมเคิลได้ของให้โด๋ ซวี หวิ ขัดรองเท้าให้และได้ชวนไปไปร่วมเรียนด้วยกัน

ตอนแรกโด๋ ซวี หวิ ระแวงมากว่าเขาจะมาหลอกหรือเปล่า ทำไมอยู่ดี ๆ ถึงมาช่วยเหลือ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจไปร่วมเรียนกับไมเคิล โดยมีเพื่อนอีกคนที่มาจากบ้านเกิดเดียวกันไปด้วย

เขาคิดเพียงว่าถ้าสามารถสื่อสารกับชาวต่างชาติได้ ก็จะหาเงินจากอาชีพขัดรองเท้าได้มากขึ้น แต่หลังจากนั้นเขาก็เริ่มสนใจในการเรียนมากขึ้น ที่นั่นทำให้เขาได้เรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่าง ได้เรียน เล่น ได้กิน พวกเขาปฏิบัติกับผมอย่างดี ผมรู้สึกเหมือนตัวเองมีค่า

หลังจากนั้น โด๋ ซวี หวิ ได้รับการช่วยเหลือและย้ายเข้าไปอยู่ในความดูแลของมูลนิธิ Blue Dragon รวมกับเด็กคนอื่น ๆ อีก 6 คน ซึ่งเป็นกลุ่มแรก หลังจากนั้นชีวิตของเขาก็เริ่มดีขึ้น มีโอกาสเติบโตและประสบความสำเร็จในสายงานด้านบริการ แต่ก็มักจะหาเวลามาช่วยงานที่มูลนิธิอยู่เสมอ

ต่อมาในปี 2552 โด๋ ซวี หวิ ตัดสินใจกลับมาทำงานที่มูลนิธิเต็มตัว และช่วยเหลือเด็ก ๆ เร่ร่อนข้างถนนซึ่งล้วนแต่ประสบปัญหาทางสังคมมากมาย ทั้งเหยื่ออาชญากรรมและความรุนแรงต่าง ๆ แม้จะยากลำบาก แต่เขาก็พยายามทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด เพราะคิดว่าตัวเองได้รับโอกาสที่ดีแล้ว เด็ก ๆ เหล่านี้ก็ควรได้รับเช่นกัน

ตลอด 13 ปีที่ทุ่มเทให้กับมูลนิธิ เขาได้ช่วยเหลือเด็กจำนวนมากให้มีชีวิตที่ดีขึ้น สุดท้ายเขาก็ได้รับตำแหน่งกลายเป็นหนึ่งในทีมผู้บริหารมูลนิธิ แต่อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จนี้ไม่ใช่เป้าหมายสูงสุดในชีวิตของเขา เพราะเป้าหมายของคือการเดินหน้าช่วยเหลือเด็ก ๆ ให้ได้รับโอกาส

Share:

More Posts

จากเด็กเร่ร่อนข้างถนน ผ่านไป 20 ปี กลายเป็น CEO ผู้บริหารระดับสูงของมูลนิธิช่วยเหลือเด็ก

เขา เผยว่า ตอนนั้นตนไม่มีเงินไปโรงเรียน เพราะครอบครัวอยู่ในสถานการณ์ลำบาก จนไม่อยากเรียนต่อ สุดท้ายจึงตัดสินใจออกจากบ้านเกิด ในวัย 15 ปี เพื่อออกไปหาเงินในเมืองหลวง กรุงฮานอย ทำงานทุกอย่างเท่าที่ตนเองจะทำได้ ทั้งเก็บขยะ ขายหนังสือพิมพ์ ก่อนจะไปเรียนวิธีขัดรองเท้าจากเพื่อนและยึดเป็นอาชีพหลัก โดยได้นำเงินเก็บทั้งหมด ไปซื้อเครื่องมือจากนั้นก็เดินเตร่หาลูกค้าไปตามถนน แน่นอนว่าการใช้ชีวิตข้างถนน สำหรับเด็กวัย 15 ปี ไม่ใช่เรื่องง่าย และเขาก็ต้องการใครสักคนที่จะช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้นได้ หลังจากนั้นเวลาผ่านไปเกือบ 1